อิทํ โข ปน ภิกฺขเว ทุกขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ . อยเมว อริโย อฏฐงิคิโก มคฺโค . เสยฺยถีทํ . สมฺมาทิฏฺฐิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ. อริยมรรคมีองค์ ๘ ทั้งหมดนี้สามารถรวมเข้า ใน ศีล สมาธิ ปัญญา
สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นเข้าใจเกี่ยวกับทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์และทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ ดังนั้น สัมมาทิฏฐิจึงเป็นความเข้าใจเกี่ยวกับอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง
ในคัมภีร์อรรถกถา ได้กล่าวถึง ทุกขสัจและสมุทัยสัจ ว่าเป็นความจริงเกี่ยวกับวัฏฏะคือการเวียนว่ายตายเกิด(วัฏฏะสัจจะ)ส่วนนิโรธและมรรคสัจเป็นความจริงเกี่ยวกับวิวัฏฏะคือการออกจากวัฏฏะ (วิวัฏฏะสัจจะ) ด้วเหตุดังกล่าว ผู้ปฏิบัติธรรมพึงกำหนดรู้วัฏฏสัจจะคือทุกข์และเหตุของการเกิดทุข์อันเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาเท่านั้น ไม่ควรกำหนดรู้วิวัฏฏสัจจะเพราะเป็นสิ่งที่ปุถุชนยังเข้าไม่ถึง(บุคคลที่ยังไม่บรรลุอนุโลมญาณจะไม่สามารถรับเอามรรค ผลและนิพพานเป้นอารมณ์ของวิปัสสนาได้เลย เพราะยังมิได้ประจักษแจ้งสภาวธรรมเหล่านี้ ดังนั้นการพิจารณาพระนิพพานเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาจึงไม่ถูกต้อง อนึ่งอุปมานุสสติที่เป็นการระลึกถึงความสงบของนิพพาน จัดเป็นการน้อมลักษณะของนิพพานคือความปราศจากราคะ(วิราคะ) เป้นต้น มาพิจารณาเพื่อให้เกิดสมาธิเท่านั้น ไม่อาจนำไปสู่มรค ผล นิพพานได้โดยตรง เเละเป็นกัมมัฏฐานที่เหมาะแก่พระอริยเท่านั้น
ในคัมภีร์อรรถกถา(ที.อ.๒. ๔๑๔ )กล่าวไว้ว้่าผู้ปรารภความเพียรได้เรียนรู้จากวิปัสนาจารย์โดยย่อว่า ขันธ์๕ เป็นทุกขสัจ ตัณหาเป้นสมุทัยสัจ หรือโดยละเอียดว่า ขันธ์ ๕ ประกอบด้วย รูปเวทนา สัญญา สังขาร วิณญาณ และในบรรดารูปขันธื ๕ ทั้งหลายเหล่านั้นประกอบด้วยมหาภูตรูปและอุปาทยรูป เป็นต้น แล้วท่องจำ หลังจากนั้นพึงกำหนดรู้สัจจะ ๒ อย่างแรกเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาส่วนสัจจะที่เหลือคือ นิโรธสัจ เเละ มรรคสัจไม่จำเป็นต้องกำหนดรู้เพียงแต่เข้าใจวาสัจจะทั้งสองเป็นภาวะที่น่าเลิศน่าปราถนาพอใจก้นับว่าเพียงพอแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น