ตัณหาที่ก่อให้เิกิดภพใหม่
ตัณหาทีลักษณะที่ทำให้เพลิดเพลินและผูกพัน ผู้คนจึงมักจะเพลินเพลินในภพและอารมณ์ต่างๆที่ๆด้มา อีกทั้งต้องการความถาวรการตั้งอยู่ของสิ่งเหล่านั้นที่ได้มา เพื่อการที่จะได้สมอารมณ์ตามต้องการ เจตนาหรือกรรมเหล่านี้มัีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรมตามสมควรซึ่งเป็นสิ่งก่อให้เกิดภพใหม่
เมื่อบุคคลใกลล้จะตาย จะมีกรรมอารมณ์ทั้งดีและชั่วบางครังเรียกกรรมคตินิมิต (ความคิดอย่างหนึ่งอย่างใด ที่เกี่ยวข้องกับกรรม(การกระทำ)ในอดีตหรืออาจจะมีคติแห่งภพใหม่ที่ผลของกกรรมจะนำไปเกิด
กรรมอารมณ์หรือกรรมนิมิต หรือ คตินิมิตซึ่งปรากฏแก่บุคคลในขณะใกล้เสียชีวิต จะถูกตัณหายึดมั่นไว้จนไม่สามารถสลัดออกจากใจได้ อุปมาเหมือนเงาของภูเขาที่แผ่ปกคลุมแผ่นดิน กรรมอารมณ์ กรรมนิมิต เเละคตินิมิต ก็แผ่คลุมจิตใจในขณะใกล้เสียชีวิต (มรณาสันนชวนะ หรือ ชวนจิตใกล้ตาย หรือ อภิสังขารวิณญาณ คือ จิตปรุงแต่ง ปฏิสนธิ )
พุทธพจน์ในอังคุตตรนิกาย ความว่า "อิติ โข อานนฺท กมฺมํ เขตตํ .วิญฺญาณํ พีชํ. ตณฺหา เสนฺโห. อานนท์ ด้วยเหตุนี้เเล กรรมจึงชื่อว่าไร่นา วิญญาณจึงชื่อว่าเมล็ดพืช ตัณหาจึงชื่อว่าความชุมชื่น" อธิบายว่า จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วเปรียบเสมือนไร่นาอันเป็นที่เพาะปลูก อภิสังขารวิญญาณคือจิตปรุงแต่งปฏิสนธิ ที่ประกอบด้วยเจตนาในขณะใกล้เสียชิวิตซึ่งเหมือนกับเจตนาในขณะทำกรรมครั้งก่อนเหมือนเมล็ดพืช ตัณหาคือความเพลิดเพลินในภพและในอารมณ์ต่างๆเหมือนฝนเหมือนความชุ่มชื่น ในขณะใกล้เสสียชีวิตนั้นชวนจิตปรุงแต่งปฏิสนธิได้รับเอาอารมณ์ กรรมนิมิตเเละคตินิมิตเป็นอารมณ์ อีกทั้งตัณหาที่พอใจในกรรมอารมณ์
เป็นต้น ย่อมก่อให้เกิดปฏิสนธิจิตในภพใหม่ด้วยการอุปถัมภ์ของชวนจิตดังกล่าว
การเกิดใหม่เกิดได้ปัจจัย ๒ ประการ คือ กรรม และตัณหา ลำพังเเพียงกรรมไม่อาจนำไปสู่การปฏิสนธิได้ เพราะไม่มีตัณหาเป็นเครื่องอุปถัมภ์ค้ำจุน ดังนั้น พระพุทธองค์จึงไม่ตรัสว่าเหตุให้เกอดทุกข์คือกรรม แต่ตรัสว่าตัณหา เพื่อแสดงถึงมูลเหตุของการเกิดความทุกข์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น