วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

พุทธตันตระกับแนวคิดเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ถูกต่อต้าน

พุทธตันตระกับแนวคิดเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ถูกต่อต้าน



ตาม แนวความคิดของพุทธศาสนาเถรวาทนั้น ความสุขทางกาม (กามสุขัลลิกานุโยค) นั้นเป็นเรื่องของโลกียชน การยึดถือสิ่งต่างๆในโลกคือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น การยึดติดในกิเลสทั้งปวงนั้นนับเป็นการติดอยู่ในบ่วงแห่งสังสารวัฏ



แต่แนวคิดของตันตรยานนั้นมีความคิดที่แตกต่างออกไป คือเห็นว่าทุกสิ่งเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน สามารถเป็นหนทางนำไปสู่ความรู้แจ้งหรือความหลุดพ้นได้เช่นเดียวกัน ตามการอธิบายของสุมาลี มหณรงค์ชัย[1] นั้นชี้ว่าการที่พุทธตันตระมีความเชื่อเช่นนี้ได้เพราะพุทธตันตระนั้นถือว่า การรู้แจ้งธรรมนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้โดยอาศัยการปลดปล่อยพลังงานทางจิตใจ ทั้งทางบวกและลบ (ในกรณีนี้เพศสัมพันธ์นั้นเป็นกระบวนการด้านลบที่สามารถปลดปล่อยพลกำลัง มหาศาลที่ถูกกักเก็บไว้ในเบื้องลึก) จากความเชื่อนี้ทำให้พุทธตันตระมีการสร้างพิธีกรรมบางอย่างเพื่อช่วยปลด ปล่อยพลังงานด้านลบเหล่านี้ เช่น การกินเนื้อสัตว์ การดื่มน้ำเมา การมีเพศสัมพันธ์ (พิธีกรรมเหล่านี้คล้ายกับการสะท้อนสิ่งที่เป็นสัญชาตญาณดั้งเดิมสมัยที่ มนุษย์ยังคงอยู่ในอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ หรือ ในชุมชนป่าดงดิบออกมา) ซึ่งพิธีกรรมแบบตันตระนั้นก้าวไกลไปถึงขั้นที่ว่า พิธีกรรมหรือการกระทำที่เป็นการปลดปล่อยพลังด้านลบดังกล่าวนั้นจะช่วยให้ “ระเบิดอวิชชา” ออกไปได้อย่างเต็มที่ ในกรณีนี้สุมาลี มหณรงค์ชัยได้กล่าวแย้งไว้ด้วยว่าวิธีการของตันตระนี้ถูกมองว่าเป็นสิ่ง ประหลาดและนำไปสู่ความผิดพลาดและมัวเมาได้ง่าย



แนวคิดของพุทธตันตระนั้นอธิบายเรื่องเพศสัมพันธ์ไว้ในลักษณะที่ว่า เมื่อเรื่องของเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของบุคคลสองคน เป็นเรื่องของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ฯลฯ เพราะเหตุนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจึงมีลักษณะที่เป็นคู่ทั้งสิ้น ทั้งรูปและนาม ภาวะด้านคู่นั้นพุทธตันตระเรียกว่าเป็นทวิภาวะ และผู้ปฏิบัติ (ทั้งที่ทำตามแนวทางของพุทธตันตระหรือไม่ก็ตาม) จะต้องหลอมรวมทวิภาวะทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน (เช่น สังสารวัฏกับนิพพาน ขาวกับดำ ดีกับเลว ชายกับหญิง วิชชากับอวิชชา หรือแม้แต่ปัญญากับกรุณา) เพราะการหลอมรวมทวิภาวะจะทำให้ทุกคนพ้นออกจากกรอบของสิ่งต่างๆ การไม่อยู่ในกรอบหรือไม่ติดกรอบของโลกนั้นจะทำให้สามารถบรรลุภาวะความหลุด พ้นไปได้



พุทธตันตระนั้นไม่เพียงแต่ประกาศหลักการนี้โดยทั่วไปเท่านั้น แต่ยังได้บรรจุหลักการพวกนี้ไว้ในคัมภีร์อนุตตรโยคะด้วย (คือในมหาโยคะตันตระกับโยคินีตันตระ) มหาโยคะตันตระนั้นเองที่มุ่งเน้นเรื่องการใช้พิธีกรรมการร่วมเพศเป็นเครื่อง มือนำไปสู่การรู้แจ้ง (ดังปรากฏว่ามีรูปของพระชินพุทธะอยู่ในท่าทางกอดรัดหรือแม้แต่มีเพศสัมพันธ์ กับศักติของท่านมากมายหลากหลายรูปแบบ) การแสดงรูปสัญลักษณ์ออกมาในลักษณะเช่นนี้เองที่เป็นสิ่งอันตรายและนำมาซึ่ง การถูกโจมตีจากพุทธศาสนิกชนนิกายต่างๆแม้ในมหายานส่วนใหญ่เองก็ไม่เห็นด้วย



พวกพุทธตันตระอธิบายท่าทางต่างๆแบบเอาสีข้างเข้าถูว่าเป็นการสะท้อนถึงแนว คิดการประสานกันของภาวะที่เป็นหญิงกับชายที่ต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การประสานกันของกรุณาของพระชินพุทธะกับปัญญาของศักติ (ดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อก่อน) การถ่ายเทภาวะของจิตที่ไม่บริสุทธิ์ไปสู่ความบริสุทธิ์



ยิ่งในโยคินีตันตระแล้วยิ่งปรากฏชัดว่าพุทธตันตระนั้นมีแนวคิดที่แปลกแยกออก ไปจากความเป็นพุทธมากขึ้นไปอีกคือ นอกจากมีการแสดงรูปสัญลักษณ์ของเทพและพุทธะองค์ต่างๆในรูปแบบของบุคลาธิษฐาน ไว้อย่างหลากหลายแล้ว ยังแสดงภาพของพุทธะในภาคต่างๆมากมาย เช่น พระชินพุทธะในภาคดุร้าย พระอักโษภยะพุทธะในภาคแสดงอารมณ์ต่างๆโดยได้นำภาคการแสดงอารมณ์เหล่านั้นมา ร่วมเป็นเครื่องมือในการให้เหตุผลด้านการ “ระเบิดอวิชชา” ด้วย





กล่าวถึงประเด็นการมีเพศสัมพันธ์ของพวกพุทธตันตระนั้น จะพบว่าพวกพุทธตันตระหรือตันตรนิกายพยายามสอดแทรกเหตุผลของตนว่าการมีเพศ สัมพันธ์นั้นเป็นการเปิดจิตของตนให้บริสุทธิ์เพื่อรอการประทับของพุทธจิต การมีเพศสัมพันธ์คือการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ในมณฑล จุดหมายที่แท้ของการมีเพศสัมพันธ์คือการพบเห็นความว่างที่แท้จริง เป็นการทำลายสมมติบัญญัติทุกอย่างและนำไปสู่การเข้าใจเรื่องของความว่างและ เรื่องตถตา ความคิดความเชื่อเหล่านี้ของตันตรยานนั้นชวนให้เกิดการโต้แย้งอย่างกว้าง ขวางในสังคมชาวพุทธดังได้กล่าวมาแต่ต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น