วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

กำเนิดแห่งตันตระการผสมฮินดู-พุทธ

เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๓๐๐ พราหมณ์ผู้หนึ่งนามว่า สังกราจารย์ ซึ่งเป็นนักปราชญ์และนักสอนศาสนาคนสำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้เริ่มต้นเผยแผ่ศาสนาฮินดูอย่างเอาจริงเอาจัง โดยนำเอาหลักปรัชญาของหลายศาสนาในอินเดียรวมทั้งพระพุทธศาสนาเข้าผสมผสานกัน อีกทั้งได้รวบเอาการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าเข้าเป็นอีกปางหนึ่งของนารายณ์อวตารด้วย แล้วกล่าวอ้างว่า พระพุทธศาสนากับศาสนาฮินดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้พุทธศาสนิกชนในอินเดียต่างหันไปนับถือศาสนาฮินดูมากขึ้น ต่อมาสังกราจารย์ ผู้นี้ได้เดินทางเข้าไปประกาศศาสนาในประเทศเนปาลด้วย และมีส่วนทำให้พระพุทธศาสนาในเนปาลอ่อนกำลังไปมาก จนถึงเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๑๕๐๐ ได้มีการนำเอาลัทธิตันตระของฮินดูเข้ามาแทรกซึมเข้าในพระพุทธศาสนาซ้ำอีก พระพุทธศาสนายุคนี้จึงได้ชื่อว่า “พุทธตันตระ” ทำให้พระพุทธศาสนาถึงแก่ความเสื่อมยิ่งขึ้นอีก พระพุทธศาสนาที่ถูกแทรกซึมโดยลัทธิตันตระของฮินดูนี้ได้นำเอาประเพณี พิธีกรรมอันลึกลับน่ากลัว และลามกอนาจารมากำหนดเป็นข้อปฏิบัติ 5 ประการ ได้แก่ ๑) มางสะ ได้แก่การกินเนื้อ ๒) มัตสยา การกินปลา ๓) มุทรา ได้แก่การแสดงท่ายั่วยวนให้เกิดกิเลสตัณหา ๔) มัทยะ ได้แก่การดื่มน้ำเมา ๕) ไมถุน ได้แก่การเสพเมถุนธรรม นอกจากนี้ในหนังสือ ศรีสมาช (คุยหสมาช) สาธนมาลา และชญานุสิทธิ ซึ่งเป็นคัมภีร์ของนิกายวัชรยาน ได้สอนให้มีการเหยียบย่ำแม้กระทั่งศีล ห้าโดยสนับสนุนให้มีการฆ่า การลัก การเสพเมถุนธรรม และการดื่มน้ำเมาครบถ้วน ข้อปฏิบัติ ๕ ข้อของลัทธิตันตระนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญซึ่งผู้ที่จะเข้าพิธีตามลัทธิตันตระจะต้องปฏิบัติ ๕ ข้ออย่างเคร่งครัด เพราะถือว่าเป็นการบูชาพระศักติ ในสถานที่บางแห่ง เมื่อผู้หญิงจะไหว้พระจะต้องเปลื้องเครื่องแต่งตัวออกทั้งหมดแล้วแสดงการร่ายรำไปจนเสร็จพิธี เป็นที่ยอมรับกันว่าปัญหาอันเกิดเนื่องมาจากลัทธิตันตระนี้เป็นเครื่องกีดกันไม่ให้คนไปสวรรค์นิพพานได้ เนื่องจากลัทธินี้มีแนวคิดว่าเนื่องจากมนุษย์ยังติดข้องในสิ่งเหล่านี้มาก การหาทางออกจากิเลสเหล่านี้จึงทำได้เพียงหาความชำนาญในสิ่งเหล่านี้ให้มากเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่ายและคลายกำหนัดยินดีไปเองซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการขัดต่อหลักการและแนวทางปฏิบัติในพระพุทธศาสนาโดยตรง อนึ่งผู้นับถือลัทธินี้บางคนยังเห็นเพิ่มเติมขึ้นไปอีกว่าผู้ที่ยังไม่ผ่านการเสพเมถุนธรรมจะไปนิพพานไม่ได้ เพราะจิตใจยังลังเลอยู่ ต้องเสพเมถุนธรรมให้ถึงที่สุดจนเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายแล้ว ก็เป็นการง่ายที่จะดำเนินไปสู่พระนิพพาน ลัทธิตันตระ ในปัจจุบันนี้มีผู้ปฏิบัติแพร่หลายในอินเดียตะวันออก คือในแคว้นเบงกลอล อัสสัม โอริสสา และ บิฮาร์ มหาวิทยาลัยวิกรมศิลา เป็นศูนย์ศึกษาลัทธินี้ และต่อมาลัทธินี้ได้แผ่เข้าไปสู่ประเทศธิเบตด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น