วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โลกบัดนี้ มีอารยธรรมจริงหรือไม่? ∗ สัมโมทนียกถา ของ พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)

เวลานี้ยิ่งเห็นชัดว่า สังคมกำลังต้องการความร่วมมือกันในการที่จะแก้ปัญหา และในการสร้างสรรค์ต่างๆมีเสียงพูดบ่นกันมากเหลือเกิน แค่อ่านหนังสือพิมพ์แต่ละวันๆ ก็ชัดว่า เวลานี้คนทั่วไปเห็นกันว่า สังคมของเรามีความเสื่อมโทรม หรือตกต่ำเป็นอย่างมาก

มองกว้างออกไป ทั่วโลกสถานการณ์ก็ไม่น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าจะเกิดสงครามใหญ่กลายเป็นความขัดแย้งที่ทำให้เกิดความสูญเสียมาก มายขึ้นเมื่อใดเรื่องนี้เป็นปัญหาร่วมกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อทุกคน ทั้งเป็นเรื่องที่มีผลระยะยาว กระทบต่ออารยธรรมของมนุษย์

ในแง่หนึ่งก็เหมือนกับเป็นเครื่องตรวจสอบไปด้วยว่า อารยธรรมของเราที่

∗ สัมโมทนียกถา ของ พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต) ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมถวายปริญญา ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารองค์การเมื่อวันที่๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๕ ณ อุโบสถวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐมพระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)๓

สร้างกัน ขึ้นมานี้ นำมาซึ่งสันติสุขแท้จริงหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งว่า เป็นอารยธรรมจริงหรือไม่อาจจะต้องถึงกับไปตรวจสอบความหมายของคำว่า“อารยธรรม ” กันอีกว่า

อารยธรรมที่แท้นั้นคืออะไร เพราะว่าแม้แต่คำไทยกับคำภาษาอังกฤษ ก็มีความหมายไม่ตรงกันแล้ว“อารยธรรม” แปลว่า ธรรมของอารยชน คือ คุณสมบัติของผู้เจริญ

ถ้าพูดให้ตรงตามศัพท์ทางพระพุทธศาสนาแท้ๆอารยะ ก็คืออริยะ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส

เพราะ ฉะนั้น อารยธรรม ก็คือ ธรรมของผู้ไกลจากกิเลสแต่เมื่อมองดูอารยธรรมปัจจุบันนี้ ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอารยธรรมนั้นเป็นคุณสมบัติ เป็นกิจกรรม และเป็นผลงานด้านต่างๆ ของผู้ที่ไกลจากกิเลสหรือไม่

หรือจะเอาตามความ หมายของฝรั่ง ก็อาจจะมองอารยธรรมแค่เป็นเรื่องของคนเมือง ถ้ามุ่งหมายเพียงแค่นั้น ก็แล้วไปแต่ว่าโดยรวม เราคงไม่ดูเพียงความหมายตามตัวอักษรเมื่อว่าตามความหมายโดยสาระหรือโดยอรรถ

แน่ นอนว่า การที่มนุษย์สร้างสรรค์ความเจริญที่เรียกว่าอารยธรรมขึ้นมาก็เพื่อความอยู่ ดีมีสุขของมนุษย์ทั้งหลาย แต่สภาพที่มนุษย์อยู่กันอย่างที่เป็นอยู่นี้ เป็นความอยู่ดีมีสุขหรือยัง เราพูดถึงคำต่างๆ เช่น สันติภาพ และสันติสุข เป็นต้น

แต่แล้วเราก็บอกว่าจนถึงเวลานี้มนุษย์ก็ไปไม่ถึงสักที พบแต่ปัญหากันอยู่เรื่อย๔ กระแสธรรม กระแสไทเท่ากับบอกว่า อารยธรรมนั้น ยังไม่บรรลุผลสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น