มองกว้างออกไป ทั่วโลกสถานการณ์ก็ไม่น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าจะเกิดสงครามใหญ่กลายเป็นความขัดแย้งที่ทำให้เกิดความสูญเสียมาก มายขึ้นเมื่อใดเรื่องนี้เป็นปัญหาร่วมกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อทุกคน ทั้งเป็นเรื่องที่มีผลระยะยาว กระทบต่ออารยธรรมของมนุษย์
ในแง่หนึ่งก็เหมือนกับเป็นเครื่องตรวจสอบไปด้วยว่า อารยธรรมของเราที่
∗ สัมโมทนียกถา ของ พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต) ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมถวายปริญญา ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารองค์การเมื่อวันที่๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๕ ณ อุโบสถวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐมพระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)๓
สร้างกัน ขึ้นมานี้ นำมาซึ่งสันติสุขแท้จริงหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งว่า เป็นอารยธรรมจริงหรือไม่อาจจะต้องถึงกับไปตรวจสอบความหมายของคำว่า“อารยธรรม ” กันอีกว่า
อารยธรรมที่แท้นั้นคืออะไร เพราะว่าแม้แต่คำไทยกับคำภาษาอังกฤษ ก็มีความหมายไม่ตรงกันแล้ว“อารยธรรม” แปลว่า ธรรมของอารยชน คือ คุณสมบัติของผู้เจริญ
ถ้าพูดให้ตรงตามศัพท์ทางพระพุทธศาสนาแท้ๆอารยะ ก็คืออริยะ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส
เพราะ ฉะนั้น อารยธรรม ก็คือ ธรรมของผู้ไกลจากกิเลสแต่เมื่อมองดูอารยธรรมปัจจุบันนี้ ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอารยธรรมนั้นเป็นคุณสมบัติ เป็นกิจกรรม และเป็นผลงานด้านต่างๆ ของผู้ที่ไกลจากกิเลสหรือไม่
หรือจะเอาตามความ หมายของฝรั่ง ก็อาจจะมองอารยธรรมแค่เป็นเรื่องของคนเมือง ถ้ามุ่งหมายเพียงแค่นั้น ก็แล้วไปแต่ว่าโดยรวม เราคงไม่ดูเพียงความหมายตามตัวอักษรเมื่อว่าตามความหมายโดยสาระหรือโดยอรรถ
แน่ นอนว่า การที่มนุษย์สร้างสรรค์ความเจริญที่เรียกว่าอารยธรรมขึ้นมาก็เพื่อความอยู่ ดีมีสุขของมนุษย์ทั้งหลาย แต่สภาพที่มนุษย์อยู่กันอย่างที่เป็นอยู่นี้ เป็นความอยู่ดีมีสุขหรือยัง เราพูดถึงคำต่างๆ เช่น สันติภาพ และสันติสุข เป็นต้น
แต่แล้วเราก็บอกว่าจนถึงเวลานี้มนุษย์ก็ไปไม่ถึงสักที พบแต่ปัญหากันอยู่เรื่อย๔ กระแสธรรม กระแสไทเท่ากับบอกว่า อารยธรรมนั้น ยังไม่บรรลุผลสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น